สวัสดีครับเพื่อนๆ วันอาทิตย์จะเป็นวันที่ผมพยายามเคลียร์การอ่านหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจนะครับ ซึ่งก็รวมไปถึงการสแกนเนื้อหาที่ผมสนใจเก็บไว้ด้วย และก็เป็นประจำที่ผมก็จะเปิดทีวีช่องไทยพีบีเอส แล้วก็มาถึงรายการ "เปิดโลก เปิดเล่ม" ประจำวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค.55 ที่มีการกล่าวถึงความสำคัญของ "การอ่าน" และอ้างอิงถึงภาพยนตร์เรื่อง "ทวิภพ" ที่นางเอกได้เล่าให้พระเอกฟังว่า ในยุคของเรานั้น คนไทยอ่านหนังสือเพียงปีละ 6 บรรทัด
(ผมเคยออกรายการ "เปิดโลก เปิดเล่ม" ไป 1 ตอนนะครับ เมื่อ 18 มี.ค.55 สามารถกดลิงก์เพื่อลองแวะดูการสัมภาษณ์ได้ครับ http://preedaroom.blogspot.com/2008/09/0_5637.html )
แอบบอกเพื่อนๆ ว่าหนังเรื่องผมยังไม่เคยดูเลย จึงทำให้ผมสนใจ และเริ่มดูแบบเร็วๆ แต่ผมไม่ลืมที่จะเอามาฝากเพื่อนๆ ด้วยนะครับ กับคลิปวีดีโอของหนังเรื่องทวิภพ 7/11 ที่ช่วงเวลา 2.15 นาทีเป็นต้นไป ที่มีเนื้อหากล่าวถึงการอ่านของคนในยุคปัจจุบัน ที่สำคัญบรรพบุรุษของเรานั้น รู้ว่าอาวุธสำคัญที่จะทำให้ "สยาม" ในยุคอดีตนั้น ต่อสู้กับมหาอำนาจตะวันตกได้ คือ "ความรู้" ซึ่งต้องมาจาก "การอ่าน" ได้ดููหนังแล้วก็อดที่จะซีเรียสไม่ได้ ส่วนตัวผมนั้นก็เฝ้าบอกกับน้องๆ คนพิการเสมอว่า ถ้าคนพิการจะสามารถลุกขึ้นมายืนในสังคมอย่างภาคภูมิ ต้องมีความรู้ก่อน ความรู้ที่ได้นั้น ไม่จำเป็นต้องมีปริญญา แต่เกิดจากการอ่าน ได้เช่นกัน
ช่วงเวลาที่ 2.15 นาที เป็นต้นไปนะครับที่สำคัญกับคำว่า "การอ่าน" ครับ
จากนั้นไม่นานที่ผมไล่อ่านหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ก็ได้พบกับคำสอนของท่าน ว.วชิรเมธี ถึง 2 ฉบับ ที่ลงในวารสาร "กายใจ" จึงถือโอกาสเอาหน้าปกฉบับที่ 99 ปีที่ 4 มาฝากเพื่อนๆ นะครับ ซึ่งเป็นวารสารแทรกใน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ เป็นประจำวันอาทิตย์ ครับ ข้างในมีสาระมากมายที่ผมจะทยอยนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนะครับ
ยังไงผมก็ขอนำเอาส่วน SOUL มาให้เพื่อนๆ ได้สัมผัสกันก่อน จากภาพข้างล่างจะเห็นว่า ทางกรุงเทพธุรกิจนั้น มีความตั้งใจจริงที่จะนำเสนอกับผู้อ่านมากครับ โดยจะเป็นโปสการ์ดลายมือของท่าน ว.วชิรเมธี พร้อมกับคำสอน ดีๆ มีความหมาย ให้ได้ขบคิด พิจารณา สำหรับฉบับนี้คือ
ยังไงผมก็ขอนำเอาส่วน SOUL มาให้เพื่อนๆ ได้สัมผัสกันก่อน จากภาพข้างล่างจะเห็นว่า ทางกรุงเทพธุรกิจนั้น มีความตั้งใจจริงที่จะนำเสนอกับผู้อ่านมากครับ โดยจะเป็นโปสการ์ดลายมือของท่าน ว.วชิรเมธี พร้อมกับคำสอน ดีๆ มีความหมาย ให้ได้ขบคิด พิจารณา สำหรับฉบับนี้คือ
"คนไทย ไม่น้อย
ชอบแสดงความคิดเห็นโดยไม่มีความรู้
ผลก็คือ การแสดงความคิดเห็นจึงเป็นได้แค่การแสดงความรู้สึก"
อีกสักแป๊บ ผมก็ได้อ่าน "กายใจ" อีกฉบับ ก็ได้อ่านคำสอนของท่านอีก ตามหัวข้อ "ความงามและการอ่าน" โดยมีคำสอนดังนี้ (ตามภาพข้างล่างนะครับ)
จะเห็นว่าก็ยังเกี่ยวข้องกับการอ่าน สำหรับผมแล้ว ท่าน ว.วชิรเมธี นั้นเป็นไอดอลของผมอีกท่านหนึ่ง แม้ว่าผมจะมีอายุมากกว่า / อยากเล่าให้เพื่อนๆ ทราบว่า ผมมีความเหมือนและต่างกับท่าน ว.วชิรเมธี อยู่ในตัว คือ ผมอยากบวชเป็นพระ สำหรับผมคือ หลังอายุ 45 ปีไปแล้ว เพื่อนำเอาความรู้จากทั้งทางโลก และทางธรรม ผนวกเข้าด้วยกัน เป็นความใฝ่ฝันของผมเรื่องหนึ่ง หากแต่ว่าตอนนี้คงยกเสียแล้วเพราะผมพิการแล้ว แต่ท่าน ว.วชิรเมธี นั้นท่านตั้งใจเป็นพระตั้งแต่วัยเยาว์เลย
ผมคิดเอาเองว่า คนส่วนใหญ่ที่ไม่อ่านหนังสือนั้น เพราะว่า ไม่มีเวลา ผมทราบเหตุผลข้อนี้ดี เพราะว่า ตั้งแต่ผมมาเป็นคนพิการ ผมมีเวลามากขึ้น กลับกลายเป็นผมได้รับประโยชน์มหาศาลจากความพิการที่ได้รับมา ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมอยากให้คนไทยรักการอ่านมากๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของพวกเรา ท่านเคยให้พระราชดำรัสฯ ไว้ว่า อย่างน้อยเราควรอ่านหนังสือสักเดือนละ 1 เล่ม ครับ ผมนั้นอ่าน แต่รู้ตัวว่าอ่านไม่มาก แต่ก็คิดว่ามากในระดับหนึ่ง แต่ไม่มากพออย่างที่ตั้งใจไว้ครับ
ขอบคุณครับ
อีกสักแป๊บ ผมก็ได้อ่าน "กายใจ" อีกฉบับ ก็ได้อ่านคำสอนของท่านอีก ตามหัวข้อ "ความงามและการอ่าน" โดยมีคำสอนดังนี้ (ตามภาพข้างล่างนะครับ)
จะเห็นว่าก็ยังเกี่ยวข้องกับการอ่าน สำหรับผมแล้ว ท่าน ว.วชิรเมธี นั้นเป็นไอดอลของผมอีกท่านหนึ่ง แม้ว่าผมจะมีอายุมากกว่า / อยากเล่าให้เพื่อนๆ ทราบว่า ผมมีความเหมือนและต่างกับท่าน ว.วชิรเมธี อยู่ในตัว คือ ผมอยากบวชเป็นพระ สำหรับผมคือ หลังอายุ 45 ปีไปแล้ว เพื่อนำเอาความรู้จากทั้งทางโลก และทางธรรม ผนวกเข้าด้วยกัน เป็นความใฝ่ฝันของผมเรื่องหนึ่ง หากแต่ว่าตอนนี้คงยกเสียแล้วเพราะผมพิการแล้ว แต่ท่าน ว.วชิรเมธี นั้นท่านตั้งใจเป็นพระตั้งแต่วัยเยาว์เลย
ผมคิดเอาเองว่า คนส่วนใหญ่ที่ไม่อ่านหนังสือนั้น เพราะว่า ไม่มีเวลา ผมทราบเหตุผลข้อนี้ดี เพราะว่า ตั้งแต่ผมมาเป็นคนพิการ ผมมีเวลามากขึ้น กลับกลายเป็นผมได้รับประโยชน์มหาศาลจากความพิการที่ได้รับมา ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมอยากให้คนไทยรักการอ่านมากๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของพวกเรา ท่านเคยให้พระราชดำรัสฯ ไว้ว่า อย่างน้อยเราควรอ่านหนังสือสักเดือนละ 1 เล่ม ครับ ผมนั้นอ่าน แต่รู้ตัวว่าอ่านไม่มาก แต่ก็คิดว่ามากในระดับหนึ่ง แต่ไม่มากพออย่างที่ตั้งใจไว้ครับ
ขอบคุณครับ