ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล - พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และพลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ประธานองค์กรอิสระ ปลัดกระทรวง อธิบดี หัวหน้าส่วนราชการ ประธานกรรมการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ คณะทูตานุทูตและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ผู้บริหารภาคเอกชน สื่อมวลชน ภาคประชาสังคม เครือข่ายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ และนักเรียนในเครือข่ายโตไปไม่โกงเข้าร่วมงาน เข้าร่วมการประกาศเจตนารมณ์ "ต่อต้านการทุจริต สร้างจิตสำนึกไทยไม่โกง" โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวสุนทรพจน์และกล่าวนำประกาศเจตนารมณ์ ซึ่งมีการเผยแพร่ผ่านการประชุมทางไกลไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาสังคมในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศในครั้งนี้กว่า 16,000 คน เมื่อวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2558
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โลกในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเกิดความรู้สึกอยากได้อยากมี และรู้สึกว่าสามารถโกงได้แต่ขอให้มีส่วนแบ่ง ซึ่งเมื่อเราโกงก็เท่ากับเป็นการโกงตัวเอง โกงประเทศชาติ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องการที่จะลดช่องว่างระหว่างคนรวยมาก รวยปานกลาง และคนจน โดยนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถอยู่ร่วมกันได้
อย่างไรก็ตาม การจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน ประจำปี 2557 ไทยได้คะแนน 38 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน อยู่ในลำดับที่ 85 จาก 175 ประเทศทั่วโลก เป็นอันดับที่ 12 จาก 28 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และอยู่ในลำดับที่ 3 จาก 9 ประเทศอาเซียน ซึ่งถือเป็นอันดับที่ดีกว่าเดิม แต่ก็เป็นตัวเลขที่ยังไม่น่าพอใจ เพราะในกลุ่มประเทศอาเซียนมีเพียงสิงคโปร์และมาเลเซียเท่านั้นที่มีคะแนนเกิน 50 คะแนน
ที่ผ่านมา รัฐบาลมีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องการกำหนดราคาจัดซื้อจัดจ้างที่สูงเกินไป ลดการสร้างโครงการต่างๆ ที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น โครงการขุดคลองที่ไม่สามารถระบายน้ำได้หรือขุดซ้ำที่เดิม โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ให้เข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายเงินในภาครัฐ เพื่อส่งเสริมให้องค์กรอิสระดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป และในอนาคตจะมีการแก้ไขระบบการจัดเก็บภาษี เพื่อนำคนไทยทุกคนเข้าสู่ระบบภาษี โดยจะตั้งฐานการเก็บภาษีที่ชัดเจน ปรับแบบฟอร์มการกรอกรายละเอียดที่เข้าใจได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อให้ภาครัฐสามารถหาแนวทางดูแลช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยต่อไป แต่หากประชาชนมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีก็จะไม่จัดเก็บ
ในส่วนของการดำเนินการในระยะต่อไป แบ่งเป็น 5 ด้าน ได้แก่ 1) การปลูกจิตสำนึกสร้างการรับรู้ 2) การป้องกันการทุจริต 3) การปราบปรามการทุจริต 4) การประสานความร่วมมือข้อตกลงคุณธรรม 5) การประชาสัมพันธ์ ซึ่งการประชาสัมพันธ์เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะจะต้องประชาสัมพันธ์เพื่อให้มีผลย้อนกลับไปที่หน่วยงานตรวจสอบการทุจริต นอกจากนี้ได้ขอให้สื่อมวลชนช่วยกันเผยแพร่และนำเสนอข่าวเชิงต้านการทุจริตให้มากขึ้นด้วย
ภายหลังกล่าวสุนทรพจน์ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวนำประกาศเจตนารมณ์ในการต่อต้านการทุจริตของชาติ โดยมีผู้เข้าร่วมงานที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และในส่วนภูมิภาคร่วมกล่าวตาม มีใจความว่า
"ข้าพเจ้า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอประกาศเจตนารมณ์ว่า
จะประพฤติปฏิบัติตนในสัมมาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นหลักสำคัญมั่นคง
ดำรงตนอยู่ด้วยความมีเกียรติ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ยึดความยุติธรรม ความเป็นธรรมเป็นที่ตั้ง
จะยับยั้งชั่งใจ ไม่กระทำการโกงกินแผ่นดิน
หรือใช้ตำแหน่งหน้าที่หาประโยชน์ บนความทุกข์ยากของประชาชน
จะเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
และยืนเคียงข้างสุจริตชน ร่วมสร้างเยาวชนให้โตไปไม่โกง
เพื่อจรรโลงและนำพาประเทศไทยให้รุ่งเรืองสืบไป"
เข้าชม : 995
|