[x] ปิดหน้าต่างนี้
 


      
 

  

ข่าวเด่น
วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (International Anti-Corruption Day)

อังคาร ที่ 9 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2557


 

สหประชาชาติ ( UN ) กำหนดให้ วันที่ ๙ ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (International Anti-Corruption Day)

 

                   วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ถือกำเนิดขึ้นหลังจากที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ (UN) มีมติเห็นชอบ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ.๒๐๐๓ (United Nations Convention against Corruption-UNCAC, 2003) อย่างเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๖ จากนั้นประเทศภาคีสมาชิก UN ๑๙๑ ประเทศรวมทั้งประเทศไทย ได้เข้าร่วมลงนามในอนุสัญญาฯ ระหว่างวันที่ ๙-๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ ณ เมืองเมอริด้า ประเทศเม็กซิโก ดังนั้น UN จึงประกาศให้วันที่ ๙ ธันวาคมของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (International Anti-Corruption Day) 

                 ทั้งนี้ ทุกประเทศที่ลงนามแล้วจะต้องดำเนินการให้สัตยาบันเป็นรัฐภาคีนับแต่อนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๘โดยเบื้องต้นมีรัฐภาคีให้สัตยาบันแล้ว ๑๐๔ ประเทศ (ธันวาคม ๒๕๕๐) สำหรับประเทศไทยอยู่ในส่วนที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน เนื่องจากมีปัญหาในทางปฏิบัติ กล่าวคือ ในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ (๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อการเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาฯ ตามที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ แต่มีเงื่อนไขคือจะต้องมีการยกร่างกฎหมายฉบับใหม่และแก้ไขกฎหมายเดิมที่เกี่ยวข้องรวม 3 ฉบับ ดังนี้ 

                   ๑. ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ในบทคำนิยามและมาตราที่เกี่ยวเนื่อง)

                   ๒. ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมความร่วมมือระหว่างประเทศทางอาญา พ.ศ.๒๕๓๕ (เพิ่มเติมการเรียกคืนทรัพย์สินจากการทุจริต)

                   ๓. ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด พ.ศ….(สาระสำคัญคือมาตรการติดตามสินทรัพย์คืน)


 

               สำหรับการปรับปรุงกลไกทางกฎหมายตามเงื่อนไขดังกล่าว เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารและและฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ในส่วนการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยก่อนการเข้าเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาฯ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาฯ เพื่อกำกับดูแล ศูนย์ปฏิบัติการตามพันธกรณีของ UNCAC” นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินการศึกษาวิจัยพันธกรณีและความพร้อมของประเทศไทยในการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ 

              หลายฝ่ายเชื่อว่าการเข้าเป็นรัฐภาคีจะเกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากหัวใจสำคัญของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ.๒๐๐๓ ได้กำหนดประเด็นความร่วมมือที่สำคัญของรัฐภาคี ๓ ประการ ดังนี้

                 ๑. ด้านมาตรการเชิงป้องกัน : ทุกประเทศต้องมุ่งป้องกันปัญหาคอร์รัปชันเป็นอันดับแรก

                 ๒. ด้านการบัญญัติความผิดทางอาญา : ทุกประเทศต้องถือว่าการคอร์รัปชันทุกรูปแบบคืออาชญากรรม

                 ๓. ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ : ทุกประเทศต้องให้ความร่วมมือในการทำให้อนุสัญญามีผลในทางปฏิบัติได้จริง

                      ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการตามเงื่อนไขต่างๆ ให้แล้วเสร็จ เพื่อประเทศไทยจะได้เป็น รัฐภาคี UNCAC” โดยไม่ชักช้า เนื่องจากทุกฝ่ายต่างทราบดีว่า ต้นตอวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ก็คือ วิกฤตคอร์รัปชันอันเนื่องมาจากความไม่รู้จักพอของอดีตผู้นำหนีโทษในคดี ใช้อำนาจโดยทุจริต

 

ที่มา: http://www.oknation.net/blog/print.php?id=898864



เข้าชม : 659


ข่าวเด่น 5 อันดับล่าสุด

      ผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัดตรัง เยี่ยมพบปะ 3 / ธ.ค. / 2562
      ปฐมนิเทศนักศึกษาสมัครใหม่ ภาคเรียนที่ 2/2560 20 / พ.ย. / 2560
      โครงการพัฒนาผู้เรียน 12 / ก.พ. / 2559
      วันครู 17 / ม.ค. / 2559
      วันวิสาขบูชา 30 / พ.ค. / 2558


 
กศน.ตำบลน้ำผุด
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
อาคารเอนกประสงค์บ้านเขาโหรง  หมู่ที่ 12 ตำบลน้ำผุด  อำเภอเมือง  จังหวัดตรัง  92000
ติดต่อ 090-896-3091    Email address :  riverine0@gmailcom
สล็อตเว็บตรง Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05