โดยองค์การอนามัยโลก ได้มีการกำหนดกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ทั้งภาครัฐ ชุมชน และประชากรโลก ให้ตระหนักถึงพิษภัยและโทษของบุหรี่ เพื่อให้ประชากรโลก และเยาวชน ลด ละ เลิกบุหรี่นั้นเอง ทั้งนี้ เรามาทำความรู้จักกันตั้งแต่เริ่มต้นกันเลยว่า บุหรี่ มีที่มาอย่างไร
ประวัติของบุหรี่ในประเทศไทย
ใน ประเทศไทยเรานี้เริ่มต้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีหลักฐานจากจดหมายเหตุของ เมอร์ซิเออร์ เดอลาลูแบร์ (Momsieur De La Loubre) อัครราชทูตฝรั่งเศส ได้เดินทางมาเมืองไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อ พ.ศ. 2230 เขียนเล่าเรื่องไว้ว่า “คนไทยชอบใช้ยาสูบอย่างฉุนทั้งชายและ หญิง โดยได้ยาสูบมาจากเมืองมะนิลา ในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ และประเทศจีน ครั้นมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการผลิตบุหรี่ขึ้นโดยบริษัทที่มีชาวอังกฤษ เป็นเจ้าของในพ.ศ. 2460 ด้วยวิถีการผลิตด้วยมือ จากนั้นรัชสมัยสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการนำเครื่องจักรเข้ามาผลิต ทำให้การสูบบุหรี่เกิดการแพร่หลายมากขึ้น จนมาถึง พ.ศ. 2482 รัฐบาลได้จัดตั้งโรงงานยาสูบขึ้น โดยใช้ชื่อกิจการมาจากห้างหุ้นส่วนบูรพายาสูบ จำกัด โดยดำเนินกิจการอุตสาหกรรมยาสูบภายใต้การควบคุมของกรมสรรพสามิต ต่อมาเศรษฐกิจได้พัฒนามากขึ้น จึงมีการรวมกิจการต่างๆ เข้าด้วยกัน และดำเนินการภายใต้ชื่อ โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง มาจนถึงปัจจุบัน
โทษของการสูบบุหรี่
ปัจจุบัน นี้เรารู้กันอยู่แล้วว่า บุหรี่นั้นมีโทษภัยร้ายแรงทั้งตัวผู้สูบและ บุคคลรอบข้าง วันนี้จึงได้นำข้อมูลที่เกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่มาทบทวนกันให้ทราบถึงโทษของบุหรี่ หลักๆ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้งดสูบบุหรี่ หรือเลิกสูบบุหรี่ ดังนี้
· บุหรี่ เป็นชื่อเรียกชนิดหนึ่งของ ยาสูบ ซึ่งมีคนนิยมมากที่สุด
· ยาสูบ เป็นพืชที่ปลูกได้ในทุกสภาพดินและ อากาศ ส่วนที่สร้างปัญหาทางด้านสุขภาพขอยาสูบคือ “ใบ”
· ใบ ยาสูบ มีส่วนประกอบต่างๆ มากกว่า 4,000 ชนิด เมื่อเกิดการเผาไหม้ ทั้งสารเคมีที่มีพิษและ ไม่มีพิษ ซึ่ง ส่วนใหญ่คือสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ความดัน โรคหัวใจ
· การสูบบุหรี่ ทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศลดลง ฟันเหลือง ตาแดง เล็บเขียว มีกลิ่นปาก