ระหว่างที่โลกสีฟ้าใบนี้หมุนรอบตัวเองอยู่ในแต่ละวัน มีหนังสือมากมายที่สำเร็จเสร็จสิ้นจากแท่นพิมพ์พร้อมออกมาสู่สายตาผู้อ่าน มีผลงานหลายเรื่องกลายเป็นอีบุ๊กรอให้โหลดมาอ่านโดยไม่ต้องพกหนังสือ
ทว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วท่ามกลางตัวอักษรมากมายที่ล้นทะลักมาสู่คนอ่าน มีหนังสือไม่มากนักหรอกที่ทั้งโลกจะรู้จักและติดอันดับขายดิบขายดีตลอดกาล
เหมือนหนังสือ 10 อันดับต่อจากนี้ ที่งานวิจัยล่าสุดของ Business Insider ยืนยันว่าเป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมตลอดไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน โดยเป็นผลการวิเคราะห์ที่อ้างอิงจากจำนวนยอดพิมพ์และยอดจำหน่ายทั่วโลกในรอบ 50 ปี
อันดับ 1 ตกเป็นของ "The Holy Bible" หรือพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์ นอกจากจะเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดแล้วด้วยตัวเลข 3,900 ล้านเล่มแล้ว ยังเป็นหนังสือที่แปลเป็นภาษาต่างๆ มากที่สุดในโลกประมาณ 340 ภาษาอีกด้วย
จะว่าไปก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะหากมองตามสัดส่วนการนับถือศาสนาของประชากรโลกแล้ว ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีคนนับถือมากที่สุดและไม่ว่าจะนิกายใดก็ยึดถือพระ คัมภีร์ไบเบิลเป็นหลักสำคัญตามความเชื่อที่ว่านี่คือพระวจนะจากพระเจ้าดัง นั้น นอกจากไบเบิลจะเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลกเล่ม หนึ่งแล้วจึงมีความหมายทางจิตใจอย่างยิ่งและเป็นหนังสือที่ถูกมอบเป็นของ ขวัญให้กันอยู่เสมอ
ยอดขายของ The Holy Bible จึงอยู่บนพื้นฐานของความศรัทธา
อันดับ 2 เป็นของประเทศจีนกับ "Quotations from Chairman Mao Tse-tung" หนังสือเล่มนี้แปลเป็นภาษาไทยในชื่อว่า "คติพจน์เหมาเจ๋อตุง" ในช่วงปี พ.ศ.2509-2514 หนังสือแดงฉบับจิ๋วของประธานเหมาฯเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ชาวจีนทุกคนจะต้องมีไว้ในครอบครองคนละเล่ม โดยมีนัยยะสำคัญคือเพื่อหลอมทัศนคติของผู้อยู่ใต้การปกครองให้ไปในทิศทางเดียวกัน ถึงแม้ว่าวันนี้ม่านไม้ไผ่จะเปิดกว้างต่อโลกภายนอกอย่างเต็มที่ และประเทศจีนก็เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทว่าอิทธิพลของหนังสือยังคงหลงเหลืออยู่ และกลายเป็นหนังสือติดบ้านของผู้คนในประเทศที่มีประชากรเป็นอันดับ 1 ของโลกด้วยตัวเลข 820 ล้านเล่ม
อันดับ 3 คงคุ้นเคยกันดีกับชื่อของ "Harry Potter" นวนิยายแฟนตาซีผจญภัยในดินแดนแห่งเวทมนตร์จำนวน 7 เล่ม ที่ร่ายเวทย์โดย "เจ. เค. โรว์ลิ่ง" แฮรี่ พอตเตอร์ สร้างปรากฏการณ์มากมายสารพัดในระยะเวลาอันรวดเร็ว อาทิ เล่มแรกได้รับการแปลเป็นภาษากรีกโบราณ ซึ่งถือเป็นงานเขียนในภาษากรีกโบราณที่ยาวที่สุดนับแต่นวนิยายของเฮลิโอโดรัสแห่งอีเมซาในคริสต์ศตวรรษที่ 3, ทำให้นิวยอร์ก ไทมส์ตัดสินใจเปิดอันดับขายดีอีกหนึ่งประเภทคือวรรณกรรมสำหรับเด็กขึ้นโดยเฉพาะ, เจ.เค.โรว์ลิงกลายเป็นนักเขียนคนเดียวที่ติดอันดับมหาเศรษฐีโลก รวมถึงเป็นชุดหนังสือที่มียอดขายกว่า 500 ล้านเล่มทั่วโลกด้วย
อันดับ 4 เป็นผลงานแนวแฟนตาซีเช่นกันคือ "The Lord of the Rings" มหากาพย์ไตรภาคแห่งการผจญภัยโดย "เจ. อาร์. อาร์ โทลคีน" ศาสตราจารย์ภาษาศาสตร์และศาสนาชาวอังกฤษ นิยายเรื่องนี้ได้แปลไปเป็นภาษาต่างๆ กว่า 38 ภาษา พร้อมยอดขาย 103 ล้านเล่ม และได้รับยกย่องให้เป็นนิยายที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของคริสต์ศตวรรษที่ 20
อันดับ 5 "The Alchemist" โดย "เปาโล คูเอลญู" ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยโดยนักเขียนศรีบูรพาคนล่าสุด "ชัยวัฒน์ สถาอานันท์" ในชื่อ "ขุมทรัพย์ที่ปลายฝัน" เป็นเรื่องราวการเดินทางออกค้นหาขุมทรัพย์ของซานติเอโก ระหว่างการเดินทางเด็กหนุ่มได้เรียนรู้ที่จะรู้จักตัวเองและรู้จักความฝันที่กำลังไขว่คว้า ไม่แปลกที่นิยายเรื่องนี้จะจับใจคนที่กำลังมีความฝันและคนที่เคยละทิ้งความฝันจนมียอดขาย 65 ล้านเล่มทั่วโลก
อันดับ 6 คือ "The Da Vinci Code" นิยายท้าทายคริสตจักรโดยนักเขียนชาวอเมริกัน "แดนน์ บราวน์" ที่หอบตัวเลข 57 ล้านเล่มมาพร้อมกับทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ
อันดับ 7 สาวๆ คงกรี๊ดเพราะ "Twilight - The Saga" โดย "สเตฟานี่ เมเยอร์" ความดังก็ขนาดสร้างปรากฏการณ์ความรักระหว่างแวมไพร์ มนุษย์หมาป่า และสาวสวย ให้เกิดเป็นพล็อตซ้ำๆ ขึ้นได้กับอีกหลายๆ สื่อจนถึงวันนี้นั่นล่ะ ยอดขายคือ 43 ล้านเล่มทั่วโลก
อันดับ 8 เป็นนวนิยายอมตะสุดคลาสสิกแนวดราม่า-โรมานซ์ "Gone With the Wind" ผลงานเล่มแรกและเล่มเดียวของ "มาการ์เร็ต มิเชล" ที่แม้จะเขียนขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2479 แต่ก็สามารถเบียดรุ่นลูกรุ่นหลานครองใจคนรุ่นปัจจุบันได้ด้วยตัวเลข 33 ล้านเล่ม อาจเพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเรื่องความรัก-ความพลัดพรากก็ยังคงเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ เล่มนี้แปลเป็นภาษาไทยในชื่อ "วิมานลอย"
อันดับ 9 เป็นทีของฮาวทูอย่าง "Think and Grow Rich" โดย "นโปเลียน ฮิลล์" ชื่อหนังสือภาษาไทยสรุปเรื่องได้ชัดมากคือ "คิดอย่างไรให้รวย" ซึ่งเขียนขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์วิกฤตการเงินโลก โดยนำเทคนิคจิตวิทยามาสร้างหลัก 13 ข้อเพื่อนำตัวเองสู่ความสำเร็จทางความมั่งคั่ง เขียนตั้งแต่ปี พ.ศ 2480 แต่เรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ไม่มีเรื่องเวลามากำกับก็ทำให้มียอดขาย 30 ล้านเล่ม
และสุดท้ายเรื่องจริงของสาวน้อยที่ตกเป็นเหยื่อของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามโลกครั้งที่2 "The Diary of Anne Frank" ก็ยังคงจับใจคนทั่วโลกอยู่เสมอพร้อมยอดขาย 27 ล้านเล่ม
"เป็นสิบอันดับของหนังสือขายดีระดับโลกที่สะท้อนให้เห็นชัดเลยว่า ความรัก ความฝัน ความหวัง ความร่ำรวย และความศรัทธา คือสิ่งที่มนุษย์ต้องการมากเพียงใด"
ขอขอบคุณ ที่มา นสพ.มติชนรายวัน
เข้าชม : 728
|