“ซีรีส์เรื่องดัง” ประจำเดือนมิถุนายน 2555 นี้จึงไม่พลาดที่จะหยิบยกหนังสือมากคุณค่าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มอาเซียน เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศหลังจากที่พบกับซีรีส์นวนิยายมาแล้วหลายเดือนติดต่อ กัน

วรพันธ์ โลกิตสถาพร แห่งสถาพรบุ๊คส์ ผู้จัดทำหนังสือชุด “ประชาคมอาเซียน” เปิดเผยว่า หนังสือชุด “ประชาคมอาเซียน” นี้ จะพาทุกท่านไปเรียนรู้จักประชาคมอาเซียน เพื่อเตรียมตัวที่จะก้าวสู่บ้านหลังใหม่ ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่าเดิม โดยมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 11 เล่ม โครงสร้างหนังสือครอบคลุมทุกเนื้อหา โดยมิได้เน้นเพียงประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับผู้คนในแต่ละประเทศอย่างเข้าถึง รู้จักและเข้าใจ ก่อนที่จะก้าวสู่ความเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ชื่อ ประชาคมอาเซียน

เล่มที่ 1 “รู้จักประชาคมอาเซียน” ภายในเล่มช่วยไขข้อข้องใจ และตอบคำถามสำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเกิดอาเซียน จนกระทั่งจะรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อาทิ อาเซียนคืออะไร ปฏิญญากรุงเทพฯ คืออะไร ใครตกลงกับใคร ตกลงเรื่องอะไร คำว่า อาเซียน กับประชาคมอาเซียน ต่างกันอย่างไร

ส่วนอีก 10 เล่ม จะแยกเป็นแต่ละประเทศ เริ่มกันที่ “ราชอาณาจักรไทย” เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของไทยในฐานะเป็น “หัวเรือใหญ่” เป็น “บ้านเกิด” ของอาเซียน อาทิ การดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน และเลขาธิการอาเซียนของไทย มีผลอะไรต่อการก่อตั้งเป็นประชาคมอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่ปีข้าง หน้า

“ราชอาณาจักรกัมพูชา” ฉายภาพให้เห็นถึงดินแดนแห่งมรดกโลก ที่ตั้งของ “ปราสาทนครวัด” พร้อมนำเสนอเรื่องราวในอดีตที่โลกอยากลืม และชาวเขมรไม่อยากจดจำ คือ ช่วงยุคของ “พอล พต” อดีตผู้นำเขมรแดง สี่ปีที่คอมมิวนิสต์ครองเมือง สี่ปีแห่งความทุกข์ยากของคนกัมพูชา ที่ประชาคมโลกต้องยื่นมือช่วยเหลือ

“สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์” ว่าด้วยเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงของเมียนมาร์ ตั้งแต่การเปลี่ยนชื่อประเทศ เปลี่ยนเมืองหลวงจากย่างกุ้ง มาเป็นเมืองเนปิดอว์ เปลี่ยนธงชาติ ตลอดจนเรื่องการเมืองการปกครอง ที่ชาวโลกกำลังจับตามอง และรู้จักกับเมียนมาร์ในปัจจุบัน ที่กำลังเป็นแหล่งทรัพยากรปิโตรเลียมมหาศาล หล่อเลี้ยงอาเซียนและจีน

“เนการาบรูไนดารุสซาลาม” อ่านเรื่องราวความมั่งคั่งของน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ ส่งผลให้ผู้คนในชาติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีประเทศหนึ่งในประชาคมอาเซียน

สำหรับดินแดนที่มีความหลากหลายสีสันของผู้คน ชนเผ่า “สาธารณรัฐฟิลิปปินส์” ตามไปดูความผันผวนทางการเมืองที่ดุเดือด ทั้งปัญหาคอร์รัปชั่น การเล่นพวกพ้อง ลอบสังหารคู่แข่ง และศึกษาภูมิปัญญาที่เป็นมรดกอย่างหนึ่งของเผ่าพันธุ์ คือการทำนาขั้นบันไดบนหน้าผาสูงชัน

เรียนรู้จัก “มาเลเซีย” หนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียน ที่ยังคงมีระบบการปกครองแบบกษัตริย์ อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ติดกับทะเล มีเมืองท่าน้ำลึกที่สำคัญ จึงสามารถพัฒนาได้เร็วกว่าประเทศอื่นในอาเซียน

“สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า สปป. ลาว ประเทศที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชาติใด ที่มีแผนพัฒนาทั้งในเรื่องการท่องเที่ยว และที่สำคัญเป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเขื่อนในลำน้ำโขง จนได้ฉายาว่า “แบตเตอรี่ของอาเซียน”

ดินแดนรูปตัวเอส (S) เลียบชายฝั่งทางขวาสุดของอินโดจีน “สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม” ประเทศที่มีประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และคติความเชื่อเกี่ยวโยงกับจีนอย่างแยกไม่ออก ขณะเดียวกันเศรษฐกิจเวียดนามกำลังรุดหน้าพัฒนาไปไกล พร้อม ๆ กับเรื่องอาหารการกิน ปัจจุบันเวียดนามเป็นประเทศที่เพื่อนบ้านในอาเซียนต้องจับตามองหนึ่งเดียวใน ประชาคมอาเซียน “สาธารณรัฐสิงคโปร์” ประเทศจิ๋วแต่แจ๋ว ที่แม้จะเป็นดินแดนไร้ทรัพยากร แต่ด้วยเพราะเป็นประเทศที่มีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เป็นจุดแข็ง มีท่าเรือน้ำลึก และเป็นสถานีเติมน้ำมันเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีผู้นำ นักบริหาร ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล จึงนำพาประเทศก้าวสู่ความทันสมัย

สุดท้ายกับเล่มนี้ “สาธารณรัฐอินโดนีเซีย” ประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดในโลก มีความโดดเด่นทางภูมิศาสตร์ ที่เป็นหมู่เกาะอุดมไปด้วยภูเขาไฟทั้งที่ดับแล้ว และอุดมไปด้วยผืนป่าดิบแดนเส้นศูนย์สูตร ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ความมหัศจรรย์ลึกลับของธรรมชาติในอินโดนีเซีย ทำให้เกิดพิธีกรรมมากมาย.

วรัญญา
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/article/1547/121204