[x] ปิดหน้าต่างนี้
 





 

  

ข่าวประชาสัมพันธ์
รู้จักโรคไวรัสโคโรนา (COVID-19)

ศุกร์ ที่ 10 เดือน เมษายน พ.ศ.2563


 รู้จักโรคไวรัสโคโรนา (COVID-19)
เพิ่มโอกาสรอดเลี่ยงติดโรค

โดยหลักเกณฑ์การระบาด (Pandemic) ระดับโลกของ WHO คือ


  1. โรคที่สามารถก่อให้เกิดอาการป่วยจนเสียชีวิต
  2. มีการติดต่อระหว่างคนสู่คน
  3. การแพร่ระบาดลุกลามไปทั่วโลก

จากสถานการณ์ภายใต้ความกดดันส่งผลให้ผู้คนเริ่มตื่นตระหนกกับภัยอันตรายที่อยู่ใกล้ตัว ดังนั้นในวันนี้เราจึงขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา เพื่อลดควา,
เสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อ่านทุกท่าน จะมีข้อมูลอะไรบ้างไปดูกันเลย

ไวรัสโคโรนาคืออะไร

       ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่าไวรัสโคโรนา (Cov) คือ ไวรัสที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่สามารถพบได้ทั้งในคนสัตว์ โดยไวรัสโคโรนาเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยหลากหลายระดับตั้งแต่ อาการหวัดธรรมดาจนไปถึงโรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายโรคร้ายแรงอย่าง MERS และ SARS ส่วนไวรัสโคโรนาในปัจจุบัน คือ โรค COVID-19 โดย คำว่า COVID-19 มีที่มาดังนี้ Co มาจากคำว่า Corona, VI มาจากคำว่า Virus ส่วน D มาจาก Disease ซึ่งแปลว่าโรค ส่วน 19 คือ ปี 2019 สำหรับผู้ป่วยจะมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก ซึ่งระดับความรุนแรงคล้ายกันกับโรคทางเดินหายใจทั้งโรค MERS และ SARS

 

ไวรัสโคโรนามาจากไหน

      โรคที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งพบเป็นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน โดยคาดการณ์ว่ามาจากการค้าอาหารป่าและอาหารทะเล ซึ่งผลการทดสอบพบว่าสัตว์ที่มีเชื้อใกล้เคียงกับไวรัสโคโรนามากที่สุดคือ “ค้างคาว” ไวรัสโคโรนาไม่ได้หยุดแค่เพียงอู่ฮั่น เพราะหลังจากนั้นไม่นานไวรัสได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศจีนและลามไปมากกว่า 118 ประเทศ

ไวรัสโคโรนามีอาการยังไง

อาการของไวรัสโคโรนาไม่ได้แสดงออกมาในทันที แต่มีระยะฟักตัวประมาณ 2-14 วัน ซึ่งโดยระยะฟักตัวนี้อาจมากขึ้นหรือน้อยลงได้ตามภูมิคุ้มกันในตัวผู้ป่วย บางรายอาจไม่แสดงอาการแม้ผ่านไป 20 กว่าวันแล้วก็มี

หลังจากอาการฟักตัว ผู้ป่วยจะมีอาการดังต่อไปนี้ มีไข้, เสมหะ, อาการไอและอ่อนเพลีย จากนั้นเมื่อผู้ป่วยอยู่ในระดับที่รุนแรงมากขึ้น อาการป่วยจะพัฒนาไปสู่ ระบบทางเดินหายใจ โดยผู้ป่วยจะหายใจเร็ว หอบ ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและเกิดอาการช็อคจนเสียชีวิตในที่สุด

การแพร่กระจายของไวรัส

แพร่กระจายจากการไอจามของผู้ติดเชื้อ โดยเชื้อไวรัสถ่ายถอดผ่านละอองในอากาศหลังจากการจาม ทั้งนี้เชื้อไวรัสโคโรนายังสามารถติดอยู่บนพื้นผิวสิ่งของได้ เช่น โลหะ,ธนบัตร, แก้ว โดยไวรัสโคโรนาสามารถอยู่บนพลาสติก 9 วันและอยู่บนกระดาษ 5 วัน ทั้งระยะเวลาการแพร่กระจายเชื้อจากคนสู่คน ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ระยะฟักตัว ส่งผลให้เราทุกคนมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าคนรอบตัวติดไวรัสหรือไม่

หากติดไวรัสโคโรนามีโอกาสรอดไหม

    จากสถิติ ณ วันที่ 11 มีนาคม 2563 มีจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 125,865 คน เสียชีวิต 4,615 และรักษาหาย 67,003 คน จะเห็นว่าอัตราผู้เสียชีวิตน้อยกว่าผู้ป่วยที่รักษาหาย ดังนั้นจึงเป็นเครื่องยืนยันที่ว่า หากติดไวรัสโรโคนามีโอกาสหายแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามยังมีกลุ่มเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา โดยกลุ่มที่มีเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมีดังนี้

 

กลุ่มผู้สูงอายุ

  สถิติเกี่ยวกับไวรัสนี้ระบุไว้อีกว่าผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาส่วนใหญ่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป 60-80 โดยปัจจัยที่ส่งเสริมการเสียชีวิตมาจากสุขภาพปอดและระบบทางเดินหายใจที่ไม่แข็งแรง เนื่องจากไวรัสโคโรนามุ่งทำลายระบบทางเดินหายใจและปอด ส่งผลให้ผู้สูงอายุที่ระบบภายในร่างกายไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้รับเชื้อเข้ามาในร่างกายไวรัสจึงสามารถทำลายล้างได้รุนแรงจนเสียชีวิต

 

กลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว

กลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้ มีโอกาสเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่แข็งแรง ส่งผลให้ไวรัสสามารถแพร่กระจายภายในร่างกายได้เร็วและมีประสิทธิภาพนำไปสู่อาการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงและจนเสียชีวิตในที่สุด

วิธีหลีกเลี่ยงจากไวรัสโคโรนา

    ในตอนนี้ยังไม่มีวิธีไหนที่ยืนยันได้ว่าสามารถป้องกันไวรัสโคโรนาได้สมบูรณ์ ดังนั้นวิธีการหลีกเลี่ยงไวรัสจึงต้องปรับพฤติกรรมหลายอย่างเพื่อเป็นตัวช่วยปิดรอยรั่วไม่ให้เชื้อไวรัสเข้ามาในร่างกายได้ โดยวิธีการเลี่ยงไวรัสโคโรนาสามารถทำได้ดังนี้

อาหารการกิน

     อาหารคือจุดเริ่มต้นของจากการแพร่เชื้อโรคนี้ ดังนั้นการป้องกันจึงไม่ควรละเลยเรื่องอาหารด้วย โดยการป้องกันไวรัสจากอาหารสามารถทำได้โดย การทานอาหารปรุงสุก โดยไวรัสโคโรนาถูกทำลายด้วยความร้อนที่ 65 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารดิบ เช่น ซูชิ, กุ้งแช่น้ำปลา, ยำแซลมอน, เนื้อสด เป็นต้น นอกจากนี้ในการทานอาหารควรทานอาหารขณะยังมีความร้อนและใช้ช้อนกลางในการทานข้าว เพื่อป้องกันเชื้อที่แพร่กระจายขณะทานอาหาร
ปรับพฤติกรรมเพิ่มความสะอาด

    อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยหลีกเลี่ยงไวรัสโคโรนาได้คือ การปรับพฤติกรรม โดยรักษาความสะอาดมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ รวมถึงทำความสะอาดด้วยเจลล้างมือ โดยเจลล้างมือที่มีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อได้ต้องมีแอลกอฮอล์ผสมมากกว่า 70% ลดการสัมผัสใบหน้าทั้งขยี้ตาแคะจมูก หรือมีความจำเป็นต้องทำควรล้างมือก่อนเพื่อฆ่าเชื้อโรค
การหลีกเลี่ยงเชื้อโรคในพื้นที่สาธารณะ

พื้นที่สาธารณะคือพื้นที่เสี่ยงในการติดโรคมากที่สุด เนื่องจากเป็นแหล่งรวมผู้คนจำนวนมาก โดยคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครบ้างที่ติดไวรัส ดังนั้นพฤติกรรมขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะจึงสำคัญ โดยพฤติกรรมที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสามารถทำได้ดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของในพื้นที่สาธารณะ เช่น ปุ่มกดลิฟท์, ราวบันไดเลื่อน, ประตูห้องน้ำสาธารณะ เพื่อป้องกันการรับเชื้อจากพื้นที่สาธารณะ
  2. รักษาระยะห่างจากผู้มีอาการไออย่างน้อย 2 เมตร
  3. งดการสัมผัสกับบุคคลอื่นในพื้นที่สาธารณะหน้ากากกับการป้องกันไวรัสหน้ากากถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในการป้องกันไวรัส โดยหน้ากากที่มีประสิทธิภาพช่วยป้องกันไวรัส มีดังนี้

1.หน้ากากอนามัย Surgical Mask

โดยในการเลือกซื้อหน้ากากอนามัยควรให้ความสำคัญที่ค่าเหล่านี้

BFE (Bacteria Filtration Efficiency) ความสามารถในการกันเชื้อแบคทีเรีย กับ
PFE (Particulate Filtration Efficiency) ความสามารถในการกรองอนุภาค (ยิ่งมี PFE สูงยิ่งดี)
VFE (Virus Filtration Efficiency) ความสามารถในการป้องกันไวรัส

2.หน้ากากแบบ Respirator (N95)

ทั้งนี้ความสามารถในการป้องกันของ Respirator ขึ้นอยู่กับค่าในการกรอง โดยที่คนส่วนใหญ่ทราบเป็นหลักคือ N95 ที่สามารถกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนได้ 95% แต่แท้จริงแล้วมีอีก 2 ระดับคือ N99 และ N100 ที่สามารถกรองได้ 99% และ 99.97% ตามลำดับ ซึ่งในการป้องกันไวรัสทางหน้ากาก Respirator สามารถป้องกันไวรัสที่ขนาดเกิน 0.3 ไมครอนได้

เปรียบเทียบสำหรับสองหน้ากาก

หน้ากากทั้ง surgical mask กับ N95 มีส่วนช่วยในการป้องกันไวรัส โดยไวรัสโคโรนามีขนาดอยู่ที่ 0.06 – 0.14 ไมครอน ส่วนการกรองของ Surgical mask อยู่ที่ 5 ไมครอน ส่วนหน้ากาก N95 สามารถป้องกันได้ที่ 0.3 ไมครอน ถึงแม้ว่าไวรัสจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ทั้งสองหน้ากากก็สามารถช่วยป้องกันไวรัสที่มาจากการจามและไอโดยตรงได้

สรุป

      จากสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาที่รุนแรงระดับโลกในขณะนี้ สิ่งเดียวที่พวกเราทุกคนทำได้คือ ป้องกันตัวจากไวรัสโคโรนา โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคร้ายแรงอย่าง โรคหัวใจหรือโรคมะเร็ง ที่มีความเสี่ยงมากกว่าบุคคลทั่วไป แต่สำหรับคนที่เริ่มมีอาการมีไข้, เสมหะ, อาการไอและอ่อนเพลีย ควรพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดหรือติดต่อผ่านสายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค

      สุดท้ายนี้แม้ว่าสถานการณ์จะย้ำแย่แค่ไหน ขอเพียงพวกเราทุกคนดูแลตัวเอง ช่วยกันตรวจสอบคนรอบข้าง เพื่อลดโอกาสติดเชื้อไวรัส รอความหวังจากยารักษา ซึ่งจะมาในอีกไม่นาน แล้วพวกเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

 



 


เข้าชม : 771


ข่าวประชาสัมพันธ์ 5 อันดับล่าสุด

      บ้านหนังสือชุมชน บ้านบ่อประดู่ หมู่ที่ 4 ตำบลบางดี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง 4 / ธ.ค. / 2563
      บ้านหนังสือชุมชน บ้านพรุจูด หมู่ที่ 3 ตำบลบางดี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง 4 / ธ.ค. / 2563
      กิจกรรมวันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ประจำปี 2563 วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2563 4 / ธ.ค. / 2563
      รู้จักโรคไวรัสโคโรนา (COVID-19) 10 / เม.ย. / 2563
      โครงการค่ายเพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิตประจำปี 2561 8 / ส.ค. / 2561


 
กศน.ตำบลบางดี
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอห้วยยอด
ที่อยู่ อบต.บางดี หมู่ 10 อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เบอร์โทร 0-8929-27579
e-mail: add_4813@hotmail.com

Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05