กศน.ตำบลปะเหลียน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง

10อาหารที่ควรเลี่ยง ถ้าไม่อยากเสี่ยง ตกขาวมามาก

อาการตกขาวมามากจนตกใจ ว่า "ภายในร่างกายเรามีผิดปกติหรือเปล่า" แต่บางทีอาการตกขาวมามาก อาจเป็นเพราะสาว ๆ กินอาหารกระตุ้นตกขาวโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

อาการตกขาวเป็นสิ่งที่สาว ๆ ทุกคนต้องเจอค่ะ เพราะเป็นกลไกที่ปกติของร่างกาย ยิ่งเวลาใกล้มีประจำเดือนตกขาวก็จะมีมากขึ้นเนื่องจากร่างกายเรามีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนก่อนที่ประจำเดือนจะมา สำหรับสาวคนไหนที่รู้สึกเหมือน ตกขาว ออกมามากเกินไป ลองสำรวจดูคะว่าคุณได้กินอาหารเหล่านี้บ่อย ๆ หรือเปล่า

1. ชา กาแฟ

การดื่มชาหรือกาแฟมากเกินไปสามารถกระตุ้นให้มีตกขาวมามากขึ้นได้ เนื่องจากชาและกาแฟมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลให้แบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุล อีกทั้งในชาและกาแฟก็มีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างมาก ซึ่งน้ำตาลเป็นตัวการที่อาจเพิ่มโอกาสการติดเชื้อในช่องคลอดได้ เพราะเชื้อราชอบความหวาน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการดื่มชาและกาแฟให้ส่งผลต่อภาวะตกขาวมามากผิดปกติ ก็ต้องเป็นเคสที่ดื่มชาและกาแฟมากเกิน 4 แก้วต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่มากเกินกว่าร่างกายจะขับคาเฟอีนและเผาผลาญพลังงานได้หมด

2. อาหารประเภทแป้ง
โดยเฉพาะแป้งขัดขาว พวกขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว และข้าวขัดขาว อาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวเหล่านี้ร่างกายเราจะย่อยและเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้เร็วมาก ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้ และเมื่อมีความหวานอยู่ในกระแสเลือดเยอะ โอกาสในการติดเชื้อในช่องคลอดก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นสาว ๆ สายแป้งก็อาจจะมีตกขาวมามากกว่าปกติ

3 น้ำตาล นม เนย

นอกจากความหวานที่มากเกินไปจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดง่ายขึ้นแล้ว การรับประทานอาหารที่มีนมเนยมากๆ ก็อาจทำใความเป็นกรด-ด่าง ในช่องคลอดเสียสมดุลด้วยเช่นกัน ซึ่งช่วงนี้เชื้อราและแบคทีเรียอาจจู่โจมช่องคลอดได้ง่ายขึ้น เป็นสาเหตุของอาการตกขาวมามากผิดปกติในที่สุด

4. แอลกอฮอล์

สาวสายดริงก์ที่เจอกับภาวะตกขาวมาหนักมาก ลองลดหรืองดการดื่มแอลกอฮอล์ลงสักระยะแล้วลองสังเกตตัวเองดูจะเห็นได้ชัด ว่า "อาการตกขาวมามากผิดปกติค่อยๆ หายไป" เพราะแอลกอฮอล์ตัวร้าย ทำลายความสมดุลในช่องคลอด ไล่แบคทีเรียเจ้าถิ่นให้ลดจำนวนลง กระทั่งเกิดการติดเชื้อในช่องคลอดและแสดงอาการออกมาเป็นตกขาว

5. อาหารรสจัด
สภาพอากาศความร้อนและอับชื้นเป็นแหล่งโปรดของเชื้อรา และอาหารรสจัดก็เป็นอาหารประเภทที่เพิ่มอุณหภูมิร่างกายได้ อีกทั้งยังอาจกระตุ้นการหลั่งของน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร หรือในบางคนอาจก่อให้เกิดอาการลำไส้แปรปรวน ซึ่งหมายความว่าแบคทีเรียในกระเพาะอาหารเราเสียสมดุล จนอาจไปกระทบต่อสมดุลแบคทีเรียในช่องคลอดด้วยก็ได้

6. อาหารทะเล

ในอาหารทะเลมีสารเคมีตัวหนึ่งซึ่งกระตุ้นให้เกิดภาวะตกขาวและอาจทำให้เกิดอาการคันในช่องคลอดได้ด้วย โดยเฉพาะคนที่กินอาหารทะเลบ่อยๆ และชอบกินมากเป็นพิเศษ อาจตกขาวมามากกว่าปกติได้

7. เครื่องเทศ

ในเครื่องเทศก็มีสารที่กระตุ้นการเกิดตกขาวด้วยเช่นกัน และอีกอย่างก็คือเครื่องเทศเป็นสมุนไพรที่มีความเผ็ดร้อนอยู่มาก เจอทั้งเขตอบอุ่นและสารกระตุ้นแบบนี้โอกาสในการเกิดเชื้อราในช่องคลอดยิ่งมีมากขึ้น ตกขาวก็เลยมามากเป็นพิเศษ

8. ของหมักดอง

ของหมักดองทุกชนิด ไม่เว้นแต่ "ปลาร้า" เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียได้ รวมไปถึงของคาวจัดๆ อย่างพวกปลาเค็ม หรืออาหารทะเลด้วย ดังนั้นหากกินมากเกินไป ก็อาจทำให้มีอาการตกขาวมามาก โดยตกขาวอาจมีสีเทาอ่อน มีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นคาปลาเค็ม และอาจมีอาการระคายเคืองช่องคลอดร่วมด้วย

9. ผักกลิ่นแรง
เช่น หัวหอม หน่อไม้ ซึ่งตามตำราแพทย์แผนจีนระบุว่า อาหารที่มีกลิ่นแรงอาจมีส่วนกระตุ้นให้อาการตกขาวกำเริบได้ง่าย ยิ่งหากอยู่ในช่วงที่กำลังรักษาอาการตกขาวอยู่ อาหารเหล่านี้ควรเลี่ยงให้ไกลเข้าไว้

10. อาหารมัน อาหารทอด

สาว ๆ ที่มักจะชอบกินของทอด อาหารมัน ๆ อยู่บ่อย ๆ คงไม่วายจะน้ำหนักขึ้นหรือเรียกง่ายๆ ว่า "อ้วนแน่นอน" ซึ่งภาวะอ้วนที่เป็นสาเหตุสำคัญของอาการตกขาวมามากผิดปกติได้หลายด้าน ทั้งการมีระดับไขมันในเลือดที่มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ฮอร์โมนเพศแปรปรวนได้ง่าย อีกทั้งความอ้วนก็จะเพิ่มโอกาสในการอับชื้น โดยเฉพาะสาวๆ ที่ขาเบียด ทำให้ส่วนสงวนของร่างกายไม่ค่อยได้รับการระบายความร้อนเท่าที่ควร ความอับชื้นตรงนี้ก็มีส่วนเพาะเชื้อโรค เชื้อรา จนอาจเป็นสาเหตุให้เกิดตกขาวได้

หากพยายามเลี่ยงแล้วปัญหาตกขาว

ก็ยังมากวนใจอยู่ดีรากสามสิบสมุนไพรคุณสัมฤทธิ์

ช่วยปรับสมดุลภายในของผู้หญิง

สุขภาพภายในสะอาด ผิวพรรณสดใส ผุดผ่อง

จะกี่ปัญหาตกขาว รากสามสิบสมุนไพรคุณสัมฤทธิ์ก็เอาอยู่

ด้วยความปรารถนาดีจาก

รากสามสิบสมุนไพรคุณสัมฤทธิ์

#รากสามสิบมีสรรพคุณที่ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียประกอบกับ ส่วนผสม

ของสมุนไพรโกฐศอและเทียนขาว ซึ่งมีสรรพคุณขับตกขาวในผู้หญิง จึง

ช่วยให้ภายในสะอาดมั่นใจเมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่อง อาการตกขาวก็

จะค่อยๆ ลดลง

โรคภูมิแพ้ ( Allergy ) คือ ภาวะการเกิดโรคจากอาการแพ้ การไอ การจาม คัดจมูก มีน้ำมูก น้ำตาไหล คันรอบดวงตา รวมถึงระคายเคืองทั่วใบหน้า เกิดผดผื่นคันตามผิวหนัง กรณีอาการแพ้รุนแรงอาจถึงขั้นท้องร่วง แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เกิดจากการได้รับสารเข้าสู่ร่างกาย ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะมีอาการแพ้ต่อสารแตกต่างกันไป โรคภูมิแพ้ ภาษาอังกฤษ

โรคภูมิแพ้ ป่วยภูมิแพ้ โรค การรักษาโรค

โรคภูมิแพ้ ภาษาอังกฤษ เรียก Allergy เป็นโรคที่พบมากทั่วทั้งโลกและในประเทศไทยด้วย โรคภูมิแพ้มีอะไรบ้าง โรคภูมิแพ้เป็นอย่างไร โรคภูมแพ้รักษาอย่างไร การป้องกันโรคภูมิแพ้ การรักษาโรคภูมิแพ้

เรารวบ รวมโรคภูมิแพ้ ทั้งหมดให้เป็นความรู้ สำหรับรู้เท่าทัน โรคภูมิแพ้ ในสภาวะที่อากาศแปรปรวนอย่างนี้ บางวันร้อน บางวันฝนตก บางวันอากาศเย็น อาจจะส่งผลต่อผู้ที่ ป่วยโรคภูมิแพ้ ได้ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ จึงควรดูแลและระมัดระวังตนเองมากเป็นพิเศษ

โรคคาวาซากิ โรคหัดญี่ปุ่น	หลอดลมอักเสบ
โรคหิด

โรคภูมิแพ้ หมายถึง การตอบสนองของร่างกายต่อสารบางอย่าง คนที่เป็นภูมิจะมีอาการ ผื่นแดงตามตัว ลมพิษ น้ำมูกไหล จาม ไอ หอบหืด หรอช็อค สารที่แพ้ โรคภูมิแพ้ ( Allergy ) เป็น โรคที่พบบ่อย ทั่วโลกและในประเทศไทย จากการสำรวจในประ เทศไทยพบว่า มีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้น 3-4 เท่าภายในระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากพยาธิสภาพในอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งอาจจะเกิดเฉพาะที่หรือกระจาย ไปก็ได้ ผู้ที่เป็น โรคภูมิแพ้ มีปฏิกิริยาภูมิไวเกินต่อ ฝุ่น ตัวไรฝุ่น เชื้อราในอากาศ อาหาร ขนสัตว์ เกสรดอกไม้

โรคภูมิแพ้ การรักษาภูมิแพ้ ภูมิแพ้มีแะไรบ้าง การรักษาโรค

สาเหตุการเกิดโรคภูมิแพ้

สำหรับสาเหตุของการเกิดภูมิแพ้มีหลายปัจจัย สามารถสรุปได้ ดังนี้

กรรมพันธุ์ ในคนในครอบครัวที่มีคนเป็นโรคภูมิแพ้ มีอัตราเสี่ยงที่คนในครอบครัวจะเป็นภูมิแพ้เช่นกัน
สิ่งแวดล้อม ในสภาะแวดล้อมที่มีสารก่อภูมิแพ้มาก เช่น ฝุ่น มักจะทำให้มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้มากกว่าปรกติ

ชนิดของโรคภูมิแพ้

โรคภุมิแพ้ สามารถแบ่งชนิดของโรคได้ 4 ชนิด คือ ภูมิแพ้ที่ระบบทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ที่ผิวหนัง ภูมิแพ้อาหาร และ ภูมิแพ้ที่เกิดผสมกันในหลายระบบของร่างกาย โดยรายละเอียด ดังนี้

ภูมิแพ้ที่ระบบทางเดินหายใจ หรือเรียกว่า โรคภุมิแพ้อากาศ เกี่ยวข้องกับจมูก อวัยวหนึ่งของระบบทางเดินหายใจ เกิดจากการตอบสนองทางกลิ่น หรือ อากาศที่หายใจเข้าไปค่อนข้างสูง หรือ ไวกว่าคนปรกติ เช่น เกสรดอกไม้ ฝุ่น ไรฝุ่น ควัน หรือ ขนสัตว์ เป็นต้น
ภูมิแพ้ที่ผิวหนัง เรียกว่า ลมพิษ หรือ ผิวหนังอักเสบ การอักเสบติดเชื้อที่ผิวหนัง ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ผิวหนังไวต่อสภาพแวดล้อม
ภูมิแพ้ที่ระบบทางเดินอาหาร เกิดจากอาหารที่รับประทานเข้าไปแล้วทำให้เกิดการแพ้ เช่น อาหารประเภทนม ไข่ ถั่ว เป็นต้น
ภูมิแพ้ที่เกิดจากหลายระบบร่วมกัน สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งจากกรรมพันธุ์ และ สิ่งแวดล้อม และปัจจุบันมีแนวโน้มของผู้ที่ภูมิแพ้ชนิดนี้เพิ่มมากขึ้น เพราะ สภาพแวดล้อม และ การใช้ชีวิตของในแบบคนเมือง

อาการของโรคภูมิแพ้

สำหรับอาการที่แสดงออกมาของผู้ป่วยดรคภูมิแพ้ แสดงออกทางอวัยวะต่างๆ โดยอาการมี ดังนี้

ตา จะเกิดอาการเยื่อบุตาอักเสบ มีอาการเคืองตา คันหัวตา แสบตา หนังตาบวม น้ำตาไหล เป็นต้น
จมูก จะเกิดอาการเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ มีอาการน้ำมูกไหล คัดจมูก จามบ่อย มีเสมหะไหลลงคอ เป็นต้น
ผิวหนัง จะเกิดอาการผิวหนังอักเสบ มีอาการผดผื่น คัน ผื่นแห้ง แดง ผิวเป็นสะเก็ด เป็นต้น
ระบบทางเดินอาหาร เรียกว่า อาการแพ้อาหาร มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปากบวม ท้องเสีย ท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นต้น

การดูแลรักษาเพื่อป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้

หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้
กำจัดสิ่งสกปรกที่เป็นพิษภายในบ้าน
ทำความสะอาดบ้านและที่นอนไม่ให้มีฝุ่น
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีอาการแพ้

สมุนไพร ที่สรรพคุณเกี่ยวกับ โรคภูมิคุ้มกัน